วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สุนัข หู ยาวที่สุดในโลก









Tiger ไทเกอร์ คือชื่อของ สุนัข หู ยาวที่สุดในโลก โดยวัดความยาวหูขวาได้ 34.9 เซ็นติเมตร และหูซ้ายได้ 34.2 เซ็นติเมตร ไทเกอร์เป็น สุนัข พันธุ์ บลัดฮาวด์ ( bloodhound ) โดยมี Bryan and Christina Flessner เป็นเจ้าของ และพักอาศัยอยู่กัน ไทเกอร์ ที่ St Joseph, Illinois, USA

‘อัฟกัน ฮาวน์ด’ สุนัขที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก








สุนัขพันธุ์ “อัฟกัน ฮาวน์ด” เป็นสุนัขที่เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอัฟกานิสถานและจากการสืบประวัติสายพันธุ์ทราบว่ามีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยอียิปต์เมื่อหลายพันปีที่ผ่านมาจึงจัดเป็นสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก “อัฟกัน ฮาวน์ด” ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างจริงจังเมื่อช่วงศตวรรษที่ 19 โดยมีนายทหารชาวอังกฤษได้นำสุนัขพันธุ์นี้กลับประเทศหลังจากสงครามชายแดนระหว่างอินเดียกับอัฟกานิสถานยุติลง มีการพัฒนาสายพันธุ์กันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจัดเป็นสุนัขที่มีลักษณะเป็นผู้ดี สง่างาม แต่ชอบปลีกตัวโดดเดี่ยว มีขนยาวอ่อนนุ่มเป็นเงางาม จนได้รับการขนานนามว่า “ราชาแห่งสุนัข” (King of Dog) จัดเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก

คุณจเร จันทรศรีสุริยวงศ์ ชาว อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นผู้หนึ่งที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ “อัฟกัน ฮาวน์ด” มานานกว่า 10 ปี บอกถึงวิธีการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ในเมืองไทยว่า เนื่องจากเป็นสุนัขที่ถิ่นกำเนิดทางแถบทะเลทราย แต่เป็นสุนัขที่มีลักษณะขนยาว ดังนั้นในการดูแลเรื่องขนควรจะแปลงขนทุกวัน แม้แต่หลังจากการกินน้ำทุกครั้งจะต้องเช็ดขนให้แห้ง ถ้าทิ้งไว้ขนจะพันติดกันทันที หัวส่วนบนจะมีขนยาวนุ่ม หูยาวถึงปลายจมูกและมีขนยาวปกคลุม ตาสีดำรูปอัลมอนด์ จมูกสีดำ ส่วนหางจะยกขึ้นแต่ไม่ควรสูงนักและม้วนงอเป็นวงกลมหรือส่วนของปลายหางโค้งเป็นที่สังเกตว่าสุนัขสายพันธุ์นี้มีเอวเล็กและคอดมาก ในการให้อาหารผู้เลี้ยงจะต้องพยายามควบคุม อย่าให้อ้วนจนเกินไป

โดยเฉพาะ ผู้ที่จะเลี้ยงเพื่อเป็นพ่อและแม่พันธุ์ ถ้าปล่อยให้สุนัขอ้วนมากในการผสมพันธุ์ แต่ละครั้งจะ ติดค่อนข้าง ยากและโอกาสที่สุนัขหลังหักได้ง่าย การเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยมจะสะดวกและแร่ธาตุครบโดยจะให้เพียงวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น อัตรา 200 กรัมต่อมื้อหรือประมาณ 1 กำมือ ข้อมูลอีกประการหนึ่งที่ผู้ที่คิดจะเลี้ยง “อัฟกัน ฮาวน์ด” ก็คือเป็นสุนัขที่ฝึกยากพอสมควรเนื่องจากเป็นสุนัข IQ ไม่สูงมากนัก ผู้เลี้ยงจะต้องมีเวลาเอาใจใส่พอสมควร ในการผสมพันธุ์ คุณจเรบอกว่า สุนัขพันธุ์นี้จะมีพฤติกรรมค่อนข้างแปลก เมื่อถึงช่วงผสมพันธุ์ตัวเมียมักจะเล่นตัว จะต้องให้ตัวผู้มาเกี้ยวพาราสีโดยการเต้นเป็นวงกลมจนตัวเมียยอมรับถึงจะให้ผสมพันธุ์ได้ (หลายคนแก้ปัญหาตัวเมียไม่ยอมรับตัวผู้ให้ผสมพันธุ์ ใช้วิธีการผสมเทียมแทนได้) ด้วยเป็นสุนัขที่มีรูปร่างอกใหญ่แต่เอวเล็ก ทำให้การตั้งท้องของสุนัขพันธุ์นี้จะสังเกต ได้ยากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ จะใช้เวลาตั้งท้องนานประมาณ 2 เดือนและให้ลูกคอกละ 4-8 ตัว ปัจจุบันราคาซื้อ-ขายลูกสุนัขสายพันธุ์นี้ราคาถูกแพงขึ้นกับสีบนลำตัว อาทิ สีดำ-น้ำตาล, สีครีมหรือสีทองหน้าดำเฉลี่ยตัวละ 18,000 บาท แต่ถ้าสีขาวหน้าขาว, สีครีมหน้าครีมหรือ สีทองหน้าทอง จะมีราคาแพงขึ้นไปถึง 20,000-25,000 บาท และที่มีราคาแพงที่สุดราคาตัวละ 30,000 บาท คือ สีขาว-เทา, สีเทา และสีลายเสือ เป็นต้น.





ที่มา : http://www.sanzonshop.com/webboard_249162_12228_th?lang=th

สุนัขพันธ์ที่ราคาแพงที่สุดในโลก








.....Miss Mary de Pledge แห่งเมือง แบร็ดเนลเบอร์กไซร์ ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าของสุนัข พันธุ์ปักกิ่งที่ชื่อว่า Cavershari Ku-Ku-of-Yam อายุ 3ปีครึ่ง ตำแหน่งแชมป์เปี้ยนได้ปฏิเสธข้อเสนอ ของนักผสมพันธุ์สุนัขชาวอเมริกันผู้หนึ่งที่เสนอชอซื้อเจ้า Cavershari Ku-Ku-of-Yam ในราคา 10,500 ปอนด์ เสตอริง ซึ่งขณะนั้นคิดเป็นเงินดอลล่าร์ถึง 29,400 ดอลล่าร์

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การนำสุนัขเข้าบ้านครั้งแรก

การนำสุนัขเข้าบ้านครั้งแรก

เมื่อนำลูกสุนัขเข้าบ้านครั้งแรก ลูกสุนัขอาจเดินสะเปะสะปะไปทั่ว ควรจำกัดบริเวณให้อยู่ ในห้องหรือบริเวณที่เป็นที่อยู่ของสุนัขและปล่อยให้สำรวจสิ่งแวดล้อมใหม่บริเวณนั้น ทั้งนี้ ควรอยู่กับลูกสุนัขก่อนในระยะแรกและควรจัดให้มี อาหาร น้ำ ของเล่นและที่รองนอนไว้ด้วย

กรงที่ปลอดภัย

การให้ลูกสุนัขได้อยู่ในกรงแต่แรกอาจช่วยให้ลูกสุนัขรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่ในห้องโล่งๆ และควรหัดสุนัขให้ถ่ายปัสสาวะบนกระดาษหนังสือพิมพ์

ทำความรู้จักกับสุนัขตัวอื่น

สุนัขที่อยู่ก่อนมักรู้สึกไม่พอใจ เมื่อลูกสุนัขตัวใหม่เข้ามาจึงควรเปิดโอกาสให้สุนัขที่อยู่ก่อน ได้สำรวจลูกสุนัขตัวใหม่ ขณะที่ลูกสุนัขยังหลับอยู่

ทำความรู้จักกับแมว

สุนัขและแมวสามารถอยู่ร่วมกันและเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้ ถ้าการพบกันครั้งแรกไม่เกิด ลักษณะการข่มขู่ดังนั้น ควรให้แมวสำรวจลูกสุนัขขณะลูกสุนัขยังหลับอยู่

ความปลอดภัยภายในบ้าน

ธรรมชาติของลูกสุนัขจะอยากรูอยากเห็นและชอบสำรวจสิ่งใหม่ๆ เช่น การดมกลิ่นและ การกัดแทะ จึงต้องระวัง สิ่งที่สามารถจะทำอันตรายต่อลูกสุนัขได้ โดยการนำสิ่งของที่แตก ง่ายและเครื่องใช้ไฟฟ้าเก็บไว้ในที่ปลอดภัย

ประวัติความเป็นมาของสุนัข

สุนัขมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขป่า โดยมนุษย์แถบขั้วโลกเหนือนำมาเลี้ยงเมื่อ 12,000 ปีมาแล้ว เชื่อกันว่า สุนัขป่าตัวแรก เกิดขึ้นเมื่อ 100 ล้านปีที่แล้ว และการอพยบข้ามถิ่นและทวีปต่างๆ ทำให้สุนัขมีหลายพันธุ์ ในประเทศจีน ชาวจีนมีความเชื่อว่าสุนัขที่ชื่อ "Fu" มีความซื่อสัตย์ และนำความเจริญมาให้ โดยมีลักษณะ คล้ายสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง "ANUBIS" เป็นชื่อของเทพเจ้าโรมันที่ตัวเป็นคน หัวเป็นสุนัข เชื่อว่าสามารถส่ง วิญญาณมนุษย์ได้

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความรู้เกี่ยวกับสุนัข

สุนัข เป็นสัตว์ที่ชอบไล่ล่า มีความพยายาม อดทน เฉลียวฉลาด โดยธรรมชาติ สุนัขเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม สังเกตได้จากสุนัขป่านิยมอยู่รวมกันเป็นฝูง มีการแบ่งหน้าที่กันเลี้ยงลูกอ่อน และออกล่าเหยื่อเป็นอาหาร เมื่อมนุษย์นำมาสุนัขป่ามาเลี้ยง พฤติกรรมบางอย่างของสุนัขป่าจึงเปลี่ยนไป
การเคลื่อนไหว สุนัขบางพันธุ์สามารถวิ่งได้เร็วมาก เช่น หมาป่า ที่วิ่งได้ความเร็ว 56 ก.ม./ช.ม. สะลูกี้ และเกรย์ฮาว์น วิ่งได้เร็วถึง 70 ก.ม./ช.ม. แม้ว่าสุนัขจะวิ่งได้ไม่เร็วมากเหมือนเสือชีต้า (วิ่งได้ถึง 129 ก.ม./ช.ม.) แต่สุนัขมีลักษณะพิเศษที่ มีความอดทนสูงกว่า มันสามารถวิ่งติดต่อกันเป็นระยะทางไกลๆ เพื่อล่าเหยื่อ นอกจากนี้ สุนัขยังว่ายน้ำได้ดี โดยใช้ขากวักไปมาในน้ำ เช่น สุนัขป่าแรคคูนในจีน ญี่ปุ่น และไซบีเรีย ที่สามารถว่ายน้ำ และดำน้ำล่าเหยื่อได้เป็นเวลา หลายนาที
การดมกลิ่น ความสามารถในการดมกลิ่นของสุนัขถือได้ว่าดีเยี่ยม (จะเป็นรองก็แค่ปลาไหลเท่านั้นแหละ) แต่ความสามารถที่ว่านี้จะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่ก็ดีกว่ามนุษย์ถึงล้านเท่าทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่มนุษย์จะนำความสามารถนี้มาใช้ประโยชน์นับไม่ถ้วน เช่น ในฝรั่งเศส และอิตาลีใช้สุนัขในการค้นหาเห็ด Truffle ที่อยู่ลึกลงไปในดินถึง 30 ซม. ฮอลแลนด์ และเดนมาร์คใช้สุนัขในการค้นหาแก๊สรั่ว นอกจากนี้ ยังใช้สุนัขในการค้นหาวัตถุระเบิด ยาเสพติด และคนหายอีกด้วย สุนัขทำได้อย่างไร เราลองมาดูกัน องค์ประกอบของกลิ่นต่างๆ คือ โมเลกุลของสารเคมี ที่ล่องลอยในอากาศ สุนัขจะได้กลิ่นโดยผ่านทางเนื้อเยื่อภายในจมูก และเนื้อเยื่อ ก็จะส่งข้อมูลของกลิ่นนี้ไปยังสมอง สุนัขได้ พัฒนาทักษะในการดมกลิ่นมายาวนานมาก ว่ากันว่า พื้นที่การดมกลิ่นในจมูกของมนุษย์ ผู้ใหญ่มีประมาณ 3 ตร. ซม. แต่ของสุนัข เฉลี่ยแล้วมีถึง 130 ตร. ซม. ทีเดียว นอกจากนี้ สุนัขยังมีเส้นประสาทดมกลิ่นมากกว่ามนุษย์มาก คือ มนุษย์มีเส้นประสาทดังกล่าว 5 ล้านเซล แต่ดัชชุนมีถึง 125 ล้านเซล ฟ็อกซ์เทอร์เรีย มี 147 ล้านเซล เยอรมันเชพเพิร์ดมี 220 ล้านเซล จมูกที่เปียกยังช่วยให้การดมกลิ่นดีขึ้น คือ มันจะช่วยซึมซับกลิ่นที่ล่องลอยในอากาศ และส่งต่อไปยังเนื้อเยื่อรับกลิ่นภายในจมูก และไล่กลิ่นเดิมที่ตกค้างอยู่ออก
การได้ยิน เป็นอีกสิ่งหนึ่งสุนัขทำได้ดีกว่ามนุษย์ สุนัขส่วนใหญ่มีหูใหญ่ ที่ประกอบไปด้วย กล้ามเนื้อถึง 17 มัด และสามารถบิดหูไปมาเพื่อรับคลื่นเสียงให้ตรงกับแหล่งที่มาได้ โดยมันสามารถ รับคลื่นเสียงได้ถึง 35,000 Vibration ต่อวินาที เทียบกับมนุษย์ที่ 20,000 ต่อวินาที และแมว 25,000 ต่อวินาที นอกจากนี้ มันยังสามารถแยกความแตกต่างระหว่างเสียงต่างๆ ได้ด้วย แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านี้ คือ มันสามารถปิดหูชั้นใน เพื่อที่จะกรองเสียงภายนอกอื่นๆ ที่ไม่ต้องการออกไป เหลือไว้แต่เสียงที่ต้องการเท่านั้น
การมองเห็น สุนัขสายตาไม่ดีนัก ส่วนใหญ่จึงใช้การดมกลิ่นในการล่าสัตว์มากกว่าสายตา แต่ก็มีสุนัขบางพันธุ์ที่ได้พัฒนาความสามารถในการมองเห็น จนสามารถใช้สายตา ในการล่าสัตว์ได้ เช่น เกรย์ฮาว์น เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม สุนัขไม่สามารถมองเห็นภาพสี ภาพที่มันมองเห็นจะเป็นโทนสีขาว ดำ และเทา เท่านั้น
นอกจากนี้ สุนัขยังมีประสาทสัมผัสพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ที่เราเรียกว่า “ประสาทสัมผัสที่ 6″ สุนัขมีความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับวิญญาณ และโทรจิต จึงไม่แปลกที่สุนัขมักจะทราบล่วงหน้า ก่อนที่คุณจะตัดสินใจออกไปข้างนอก และปล่อยให้มันอยู่บ้านตามลำพัง
ที่มา: www.lovedog.gointer.com/

สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุนัข

*** หัวใจสุนัขเต้น 70 ถึง 120 ครั้งต่อนาที ในขณะที่หัวใจมนุษย์เต้น 70 ถึง 80 ครั้งต่อนาที
*** สุนัขสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดคือ “ไอริช วูล์ฟฮาวนด์” และเจ้า “ชิวาวา นั้นเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่สุด ในขณะที่เจ้า “เซนต์เบอร์นาร์ด” ครองแชมป์น้ำหนักมากที่สุด
*** ในโลกนี้ มีสุนัขสายพันธุ์บริสุทธิ์อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 700 สายพันธุ์
*** สุนัขที่ถูกเลี้ยงในบ้านส่วนใหญ่สามารถวิ่งได้รวดเร็วถึง 30.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สำหรับเจ้า “เกรย์ฮาวนด์” ซึ่งถือว่าเป็นราชาลมกรด สามารถวิ่งได้เร็วถึง 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!!
*** ผลต่อหัวใจ และระบบประสาทของสุนัข ช็อกโกเลตเพียงแค่ไม่กี่ออนซ์ก็สามารถฆ่าสุนัขตัวเล็กได้!!
ที่มา: rachanon13@hotmail.com